เกาะโอกินาว่า ความงดงามของธรรมชาติ อันหลากหลาย

โอกินาว่า
     โอกินาว่าสมัยโบราณเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ริวกิว (Ryukyu Kingdom) ที่แม้จะเป็นอาณาจักรเล็กๆ ทางตอนใต้ของเกาะญี่ปุ่น แต่ก็มีความสำคัญในฐานะเป้นศูนย์กลางค้าทางทะเลแถบเอเชีบตะวันออกและเอชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการมีฐานะเป็นบรรณาธิการของราชวงศ์หมิงแห่งจักรวรรดิจีน ทำให้จีนมีอิทธิพลต่ออาณาจักรริวกิวเป็นอย่างมาก เมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่น โอกินาว่าก็กลายเป็นสนามรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองญี่ปุ่นแพ้สงคราม โอกินาว่าเลยตกอยู่ในการปกครองของสหรัฐอเมริกา โดยเป็นที่ตั้งของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกฝ่ายพัธมิตร จนในปี 1972 อเมริหาได้คืนเกาะโอกินาวาให้แก่ญี่ปุ่น แต่ยังคงตั้งฐานทัพบางส่วนไว้ และยังคงมีกองทัพกับครอบครัวของชาวอเมริกากันอยู่ในโอกินาวา
ด้วยอิทธิพลทางด้านการปกครองจากหลายเชื้อชาติ ทำให้โอกินาวาได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมมาหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่ไม่เคยจางหายไปเลยคือ วัฒณธรรมดั่งเดิมของชาวริวกิว ที่ชาวโอกินาว่าปัจจูบันยังคงยึดถือไว้เป็นแบบอย่างให้กับลูกหลาน และยังเหลือให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้สัมผัส โดยเฉพาะสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก รวมถึงความงดงามของธรรมชาติในฐานะเมืองตากอากาศชายทะเลชั้นยอดของประเทศญี่ปุ่น โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายน่าเที่ยวชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ...

อุทยานหลวงชิคินะเอน ( Shikinaaen Graden)
     สร้างขึ้นในปี 1799 เป็นทั้งพระราชตำหนัก สถานที่พักผ่อนของเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ และสถานที่ใช้ในการต้อนรับทูตานุทูตจากจีน ภายในสวนจัดแบบผสมผสานระหว่างสวนแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ ตัวตำหนักมุมด้วยกระเบื้องสีแดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปแบบริวกิว และสระน้ำกับสะพานข้ามสู่เกาะเล็กกลางน้ำ จัดด้วยศิลปะแบบจีน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากศิลปกรรมหลากแบบ ทำให้อุทยานหลวงแห่งนี้เป็นแบบอย่างทางประวัติศาสตร์ที่หาชมได้ยาก จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ปราสาทชูริ ( Shuri Castle)
     พระราชวังหลวงอันเก่าแก่ของอาณาจักรริวกิวโบราณ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เคยถูกเผาทำลายหลายครั้งต่อหลายคร้งจากสงคราม โดยเฉพาะสงครามใหญ่ ซึ่งเป็นทีมาของคำว่า The Battle of Okinawa ระหว่างกองทัพญี่ปุ่นกับกองทัพสหรัฐอเมริกา เพื่อแย่งชิงการครอบครองเกาะโอกินาวา แต่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่หมดในปี 1992 โด่ดเด่นด้วยกระเบื่องมุมหลังคาสีแดง อันเป็นลักษณะเด่นของศิลปะแบบริวกิว จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของโอกินาวาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมกดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 2000 ภายในตัวปราสาทหลังใหญ่มีบรรลังก์และมงกุฎทองของกษัตริย์โบราณ และบริเวณโดยรอบปราสาทยังมีสิ่งของล่ำค่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติและมรดกโลก คือ ประตูหินขนาดเล็กของศาลเจ้าโซโนะฮัน อุทากิ ( Shireimonutaki)  สร้างโดยพระเจ้าโซชิน กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์โซที่ 2 ด้วยศิลปะแบบจีนที่สะท้อนให้เห็นถึงความชำนาญในการเกะสลักหินปูนของช่างในสมัยอาณาจักรริวกิวรุ่งเรือง เช่นเดียวกับประตูหินชิเรอิมอน ซึ่งเป็นประตูหินที่มีขนาดใหญ่กว่า ทาด้วยสีแดง สร้างในปี 1519 โดยกษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักรริวกิวในสมัยนั้น ได้เชิญพระมาสวดมนต์ขอพรอาณาจักรริวกิวรอดพ้นจากภยันอันตรายทั้งหลายด้วย

โอกินาวา เวิลด์ ( Okinawa World)
     หากต้องการสัมผัสบรรยากาศแบบโบราณ ต้องมาที่นี่ ซึ่งเป้นสถานที่รวบรวมศิลปวัฒนธรรมของชาวริวกิวไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง อย่างระบำอิซ่า การเป่าเครื่องแก้ว การปั้นตุ๊กตาดินเผา และวิถีชีวิตพื้นบ้านแบบริวกิวให้ชมในแบบของหมู่บ้านจำลองขนาดย่อม รวมทั้งยังเป็นที่ตั้งของถ้ำธารมรดกเกียวคุเซ็นโดะ โถงถ้ำโบราณอายุกว่า 3 แสนปี และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ชมหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตาไม่เหมือนที่ใดในโลก และลำธารไหลที่ไหลผผ่านภายในถ้ำ โดยสามารถเดินเท้าเข้าไปในส่วนที่เปิดให้เข้าชมที่มีความยาว 850 เมตร

หมู่บ้านอเมริกัน มิฮามะ (Mihama American Village)
     หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า แคลิฟอร์เนียแห่งโอกินาวา สถานที่รวบรวมวัฒนธรรมในอีกรูปแบบหนึ่งที่ชาวโอกินาวาหรือริวกิวได้รับอิทธิพลมาจากการตั้งอยู่ของ ฐานทัพอเมริกันโดยตั้งอยู่ที่เมืองริมทะเลวาตัน เป็นศูนย์กลางความบันเทิง สถานที่พักตากอากาศ ที่ตั้งของร้านรวงสุดเก๋ และแหล่งช็อปปิ้งหลากหลายแบบหลายสไตล์

ผาหินมันซาโมะ (Manza-mo Cape)
     ผาหินริมทะเลรูปร่างคล้ายงวงช้าง เป็นทั้งจุดชมวิว สถานที่สำหรับปิกนิก และจุดถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงโงดังของโอกินาวา โดยคำว่า Manza-mo แปลว่า ที่นั่งที่มีขนนุ่มรองรับได้ถึงหมื่นคน ซึ่งอาจจะหมายถึงบริเวณพื้นที่สีเขียวของต้นหญ้าเหนือหน้าผา ที่มีลักษณะเป็นลานหินตัดกับบผืนน้ำทะเลสีฟ้าใส

พิพธพัณฑ์สัตว์น้ำซูระอุมิ (Churaumi Aquarium)
     อาณาจักรแห่งโลกใต้ทะเลอันทันสมัย ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ตั้งอยู่ริมเวิ้งอ่าวอันงดงามของเมืองโนโตบุ จัดแสดงระบบนิเวศวิทยาและชิวิตของสัตว์โลกใต้ทะเลภายในแทงก์น้ำอะคริลิกขนาดมหึมาสูง 8.2 เมตร ลึก 22.5 เมตร เป็นส่วนจัดแสดงพันธ์ปลาหลากหลาย ดดยมีฉลามวาฬยักษ์ และกระเบนแมนตา เป็นพระเอกนางเอกของพิพิธภัณฑ์ และที่พลาดไม่ได้เลยคือ ต้องชมการแสดงของโลมาแสนรู้และน่ารัก จนสามารถเรียกเสียงปรบมือสนั่นทุกรอบการแสดง

โรงกลั่นเหล้าอาวาโมริ (Awamori Factory)
     เจ้าของตำนานการกลั่นเหล้าที่มีชื่อเสียงมายาวนานหลายยุคหลายสมัย และสืบทอดกิจการจากรุ่นสู่รุ่นกันมาอย่างต่อเนื่อง กับอาวาโมริ เหล้าพื้นเมืองชื่อดังของโอกินาวา ที่มีต้นแบบการผลิตมาจากเหล้าโรงสัญชาติไทย และยังใช้วัตถุดิบในการผลิตเป็นข้าวไทยแท้นำเข้า นับว่าแตกต่างจากเหล้าญี่ปุ่นหรือสาเกที่ผลิตจากรวงข้าวญี่ปุ่น เหล้าอาวาโมริจะให้รสชาติเข้มข้นและร้อนแรง แต่กลมกล่อมและนุ่มนวล ทั้งยังมีสรรพคุณในการป้องกันอาการเส้นเลือดแข็งตัว และมีให้เลือกมากถึง 30 ชนิด ที่สำคัญ เหล้าอาวาโมริมีจำหน่ายเฉพาะที่โอกินาวาเท่านั้น

อะชิบินะ เอาต์เล็ต มอล์ (Ashibina Outlet Mall)
     ที่นี่คือแหล่งช็อปปิ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะโอกินาวา ที่มีสินค้าแบรนด์แนมดังมากมายหลายยี่ห้อ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ น้ำหอม นาฬิกา นักช็อปที่เดินทางมาที่นี่ทุกรายล้วนต้องมีกระเป๋าฉีกกันถ้วนหน้า ด้วยกองทัพสินค้าชั้นนำต่างพากันลดราคากระหน่ำแบบไม่ซื้อไม่ได้แล้ว

     สถานที่ท่องเที่ยวข้างต้นเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น โอกินาวายังมีความหลากหลายมากกว่าจะบรรยายด้วยอักษร ที่รอคอยนักท่องเที่ยวให้ไปเยี่ยมเยือน ซึ่งคุณจะพบความหมายในความเหมือนและต่างของดอกินาวา อย่างที่ฉันและเพื่อนนักเดินทางอีกหลายคนได้สัมผัสมาแล้ว