ฟุกุโอกะ (Fukuoka) KYUSHU

     ระหว่างการเดินทางจากเมืองอื่นกลับสู่ฟุกุโอกะ ยังมีโปรแกรมเก็บผลไม้ที่สวนทากิอุชิของชาวบ้าน ซึ่งยามนี้สาลี่พันธุ์นิอาตะกำลังออกผลงามนัก คุณป้าเจ้าของสวนแกผ่าสาลี่ให้ชิมกันแบบไม่มีหวง ชิมเท่าไรชิมไป ถ้าอยากเดินไปเด็ดชิมจากต้าน คุณป้าก็พาเดินฝ่าดงสาลี่มุดไปเก็บกันตามอัธยาศัย ลูกไหนใหญ่สังเกตได้จากกระดาษที่หุ้มอยู่ ถ้าปริแตกแสดงว่าลูกใหญ่จริง สนนราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 600 เยน

 

 

 

 

 

     บ่ายแก่ๆ เราก็มาถึงฟุกุโอกะ วิวแม่น้ำนากะกาวะ ที่แบ่งเมืองออกเป็นฝั่งตะวันออกและตะวันตก ตอกย้ำการเป็นเมืองท่าการค้าที่คึกคักมาแต่อดีต ส่วนตึกที่ทันสมัยที่เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุดหน้า ยังเดินคู่เคียงอยู่กับอดีตย่านการค้าโบราณ ฮากาตะ ได้อย่างลงตัว แม้เราจะไม่ได้แวะเยือนอย่างศาลเจ้าดาไซฟุ หรือพิพิธภัณฑ์ยามากะสะที่บอกเล่าถึงเทศกาลแห่ประจำปีกิออนยามากะสะ แต่การช้อปปิ้งส่งท้าย ดูจะเป็นตัวเลือที่ทำให้ใจแอนเอียงได้มากจึงแนะนำโปรแกรมทิ้งท้ายเป็นที่ Marinoa City เอาต์เลตมอลล์ที่รวมร้านค้าแบรนด์เนมไว้เป็นร้อยๆร้านโดยมีสัญลักษณ์ชิงช้าสวรรค์อันยิ่งใหญ่ และมุมชิลล์ๆริมแม่น้ำที่น่านั่งหย่อนใจไม่น้อย
     แล้วพอเริ่มพลบค่ำ เราก็ได้เห็นเสน่ห์ของฟุหุโอกะอีกมุมมองนั่นคือแผงลอยร้านอาหารหรือยาไต (Yatai) ที่จะเริ่มเปิดตั้งแต่ 6 โมงเย็นเรื่อยไปจนถึงตี2ตี3 แสงไฟเรืองๆกับเก้าอี้ล้อมหน้าร้าน เชื้อเชิญให้ผู้คนที่อยากหาอะไรง่ายๆกินยามค่ำได้เค้ามานั่งรับประทานอาหาร อาหารของที่นี่เป็นเมนูปรุงร้อน จำพวกราเมน อุด้ง ยากิโทริ ฯลฯ ลองสั่งปลาย่างและฮากาตะราเมนมาชิม อร่อยทั้งรสชาติและบรรยากาศ ยิ่งถ้าเป็นร้านที่มีลูกค้าประจำก็จะเห็นมายืนรอต่อคิวกันยาวเลยทีเดียว ปัจจุบันทั่วฟุกุโอกะมียาไตอยู่กว่า 170 ร้าน และกลายเป็นเอกลักษณ์ใหม่ของเมือง ที่ใครมาเยือนฟุกุโอกะต้องหาโอกาสลองให้ได้