พระนอนตาหวาน (CHAUK HTAT KYEE BUDDHA IMAGE )

     หากยังพอจำกันได้จากภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยามที่เนื้อเรื่องดำเนินมาถึงฉากในพม่า จะมีสองสิ่งที่โดดเด่นและแปลกตาสำหรับผู้ชมชาวไทย จนเกิดเป็นภาพแห่งความทรงจำสำหรับบางคน อย่างแรกคือพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ ส่วนอย่าที่สองคือวงพักตร์ขาวโพลน แต่ปากเคลือบสีแดงสดตัดกันของเหล่าเชื้อพระวงศ์ อาทิ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ และสาวสรรกำนันในของราชสำนักพม่า ภาพเหล่านั้นก่อความรู้สึกประหลาด แต่ยวนใจให้อยากทำความรู้จักกับประเทศที่ดูเหมือนจะมีม่านหมอกลี้ลับห่มคลุมมาเนิ่นนาน

 

 

   

  เมื่อได้มาเยือน พระนอนเจ๊าทัตจี (Chauk Htat Kyee) ความรู้สึกดังว่าพลันเกิดขึ้นในทันใด ด้วยองค์พระประกอบไปด้วยสองสิ่งแปลกตาที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น พระนอนเจ๊าทัตจีเป็นพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่มหึมา มีความยาวถึง 70 เมตร ส่วนความสูงเทียบได้กับตึกหกชั้น ปลูกสร้างครั้งแรกตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในปี ค.ศ. 1970 โดย U Po Tha นายวาณิชใหญ่ผู้มีใจเป็นกุศลและเป็นผู้มีบทบาทในการเกื้อหนุน พุทธศาสนาในพม่าจนเป็นที่ประจักษ์ อาทิ เป็นหนึ่งในคณะดูแลมหาเจดีย์ชเวดากอง

     U Po Tha ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น อัศวิน Sri Po Tha จากรัฐบาลอังกฤษในปี ค.ศ. 1972 ท่านนับเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีเลิศ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแข็งขันตราบจนสิ้นอายุขัย ภาพถ่ายขาวดำและรูปปั้นของท่านอัศวินผู้นี้ถูกจัดแสดงอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับองค์พระพุทธไสยาสน์ นอกจากนั้นยังมีภาพที่ดึงดูดใจให้ต้องมองซ้ำอยู่ใกล้ๆกัน ภาพที่ว่าเป็นภาพถ่ายขาวดำขององค์พระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ดูโบราณและอยู่ในลักษณะผิดสัดส่วนและทรวดทรงอย่างไรอยู่      องค์พระที่เห็นในรูปนั้นคือพระนอนเจ๊าทัตจีองค์ดั้งเดิมที่ควบคุมการก่อสร้างโดยวิศวกรชาวอินเดีย วิศวกรผู้นั้นไม่ทราบวิธีที่จะสร้างพระให้นอนได้ ผลที่ออกมาจึงได้องค์พระกึ่งนั่งกึ่งนอน แลประหลาดตาและไม่งาม ส่วนองค์ที่เห็นปัจจุบันนี้ได้รับการแก้ไขให้อยู่ในท่านอนอย่างถูกต้องแล้ว องค์พระนอนเจ๊าทัตจีอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมมานานหลายปี จนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ราวทศวรรษที่ 1960 – 1970  ประชาชนชาวพม่าพร้อมใจกันบริจาคเงินประมาณ 500,000 จ๊าด เพื่อซ่อมแซมองค์พระให้งดงามดังเช่นที่เห็นในปัจจุบัน

 

 

     ในการนี้มีผุ้ใจบุญขอร่วมหล่อดวงตาด้วยแก้ว ส่งให้เนตรแก้วขององค์พระแวววาวราวกับดวงตาของคนจริงๆ เมื่อบวกรวมกับวงพักตร์สีขาวสะอ้าน พระโอษฐ์สีแดงสด ก็ยิ่งส่งผลให้พระโฉมของพระนอนเจ๊าทัตจีหวานสวยจนผู้คนพากันขนานนามว่า พระนอนตาหวาน ส่วนจีวรที่ห่มพระวรกายก็ไหวพลิ้วเป็นรอบจีบย่นราวกับของจริง ฝีมือละเอียดจนต้องเข้าไปพิศมองใกล้ๆ และอย่าลืมเดินมาที่สุดปลายพระบาทเพื่อชมภาพมงคล 108 ประการบนฝ่าพระบาททั้งสองข้างด้วย