เซนได (Sendai-shi) เมืองที่ถูกนิยามว่าเป็น เมืองแห่งต้นไม้

เซนได “City Of Trees” 


             เซนได (Sendai-shi) เมืองหลวงของจังหวัด มิยะงิ (Miyagi-ken) ประเทศญี่ปุ่น เมืองที่ถูกนิยามว่าเป็น “เมืองแห่งต้นไม้” รวมถึงเป็น “ประตูสู่ชายฝั่งแปซิฟิก” เป็นเมืองศูนย์กลางหน่วยงานปกครองและเศรษฐกิจแห่งภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้นจึงเป็นเมืองใหญ่และทันสมัย หลายแห่งของเมืองเราจะเห็นทัศนียภาพที่ควบรวมกันระหว่างเมืองกับป่าไม้อย่างสมดุล และหลายแห่งของเมืองทำให้เราต้องหยุดมอง อาทิ แม่น้ำฮิโระเซะ ยาว 45 กิโลเมตร จนถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเซนได รวมถึงต้น เคยะขิ (Noma Keyaki) ที่เขียวร่มชุ่มชื่นตลอดแนวถนน โจเซนจิ (Jozenji-Dori) และถนน อะโอบะ (Aoba-Dori)


     เซนไดจะมีเสน่ห์อีกแบบในช่วงวันที่ 7 ธันวาคม จนถึงคืนวันสิ้นปีนี้ จะได้ชม Sendai Pageant of Starlight เทศกาลเอกประจำฤดูหนาวของเมือง โดยต้น เคยะขิ ที่เรียงรายตามถนนโจเซนจิและถนนอะโอบะ จะถูกประดับด้วยไฟกว่า 600,000 ดวง เพราะเมื่อเดินบนถนนทั้งสองเส้น ในยามค่ำคืนจะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ใน “อุโมงค์แห่งแสงดาว” อย่างไรอย่างนั้น  นอกจากนั้นยังมีการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะขบวนพาเหรดของซานตาคลอส รวมถึงการแสดงดนตรีในชื่อชุด “The Story of Santa’s Forest”


     แต่หากมาถึงเซนไดแล้วไม่พูดถึง “ดะเตะ” คนหนึ่งเห็นจะไม่ได้ เพราะคำว่าดะเตะนี้ใช้เรียก ไดเมียว หรือผู้เป็นเจ้าเมืองที่สำคัญที่รองลงมาจากโชกุน ซึ่งจะถูกแต่งตั้งโดยพระบรมราชองค์การของจักรพรรดิเท่านั้น ดะเตะผู้นี้มีชื่อว่า มะซะมูเนะ (Date Masamune) เป็นผู้วางรากฐานเมืองเซนได ตั้งแต่ศควรรษที่ 17 ด้วยความห้าวหาฐเด็ดเดี่ยวทั้งในการศึกและการทูตถึงขั้นเคยเขียนจดหมายเจรจากับ สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 5 เป็นภาษาละติน แม้จะเสียตาขวาไปในสมัยยังเด็กด้วยโรคฝีดาษ จึงได้รับฉายาว่า “มังกรตาเดียว”


     ปราสาทเซนได ถูกสร้างขึ้นโดย ดาเตะ มะซะมูเนะ ซึ่งถือเป็นสิ่งก่อสร้างคู่เมืองเซนไดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่มีการบูรณะกำแพงหินที่ผุกร่อนตามกาลเวลาขึ้นมาใหม่ พร้อมกับการสร้างปูนปั้นดะเตะ มะซะฒูเนะทรงม้า เพื่อเป็นเกียรติและให้ชนรุ่นหลังละลึกว่าเมืองนี้เป็นมาอย่างไร


     ศาลเจ้า Osaki Hachimangu Shrine
สร้างโดย ดาเตะ มะซะมูเนะ ซึ่งต่อมาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมล้ำค่าของประเทศ เพราะมีรูปแบบการก่อสร้างที่หรูหราและวิเศษไปกว่าศาลเจ้าทั่วไป ซึ่งเปิดให้บริการตลอดปี ไม่เสียค่าธรรมเนียมการเข้าชม

http://www.sentabi.jp/en/tourist/osakihachimangu.html

 

     สุสาน Zuihoden Mausoleum เป็นสถานที่บวงสรวงให้ ดาเตะ มะซะมูเนะ เป็นพิเศษ ดังนั้นสุสานแห่งนี้จึงไม่ได้มีโทนทึมเทาเหมือนแห่งอื่น เพราะเน้นสีสันสว่างไสว เนื่องจากประกอบด้วยทองและลวดลายที่ประณีตบนประติมากรรมแกะสลักที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ในตัวสุสานมีภาษาอังกฤษอธิบาย


     วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) ชื่อวัดนี้เคยอยู่ในหลายแห่งของภูมิภาคโทโฮขุ ตามดารย้ายปราสาทของดาเตะ จนสุดท้ายตั้งอยู่ที่เซนได ใรสมัยของมะซะมูเนะ โดยจะมองเห็นเจดีย์ 3 ชั้น และห้องทำพิธีชงชา ที่สะท้อนให้เห็นอยู่บนผิวน้ำของบ่อใหญ่กลางสวนญี่ปุ่นที่จัดแบบเซ็น ในบรรยากาศที่เงียบสงบ เทพเจ้าที่ประตูทั้งสองถูกจัดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของเมือง

http://www.japan-guide.com/e/e5154.html

 


ข้อความโดย กรุงเทพธุรกิจ 4/12/2013