Bronze Elephant

     สาธารณรัฐสิงคโปร์  ไม่ใช่จุดหมายสำหรับไปทำธุรกิจหรือช็อปปิ้งเพียงอย่างเดียว หากแต่สิงคโปร์มีความลึกและกว้างกว่านั้นมาก สิงคโปร์เป็นเมืองประวัติสาสตร์ อาคารและสิ่งก่อสร้างอ่สาโอ่ มรดกแหงเจ้าอาณานิคมยังปรากฏให้เห็นแทบจะทุกหัวถนน ขนาดที่ว่าหาใครสักคนมาปิดตาแล้วปล่อยไว้กลางเมือง เปิดตาออกมาอาจจะเข้าใจว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในประเทศหนึ่งในยุโรป ใรขณะที่ความทันสมัยล้ำหน้าของเทคโนโลยีและการเติมโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ดังกระหึ่มฟากฟ้าสากล ทว่าความโบร่ำโบราณบางอย่างก็เดินเนิบๆคลอเคลียร่วมทางมาโดยตลอด


     เหตุที่สิงคโปร์ดูโด่ดเด่นจับตานานาประเทศมาตั้งแต่อดีต ก็ต้องยกความดีให้กับชัยภูมิอันเลอเลิศของประเทศ ด้วยตั้งอยู่บนแหลมมาลายู ซึ่งเป็นจุดที่เรือสินค้าจากนานาประเทศต่างหยุดแวะพัก เจ้าอาณานิคมตะวันตกหลายประเทศอยากได้สิงคโปรมาครอบครอง ตั้งแต่โปรตุเกส ฮอลันดา หรือเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบัน ก่อนจะตกเป็นของอังกฤษในท้ายที่สุด โดย เซอร์ โธมัส แสตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ จัดตั้งสถานีการค้าของอังกฤษพร้อมทั้งยกขึ้นเป็นประเทศในปี ค.ศ. 1819


     หากไปหาบันทึกทางประวัติศาสตร์ไทยในช่วงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 มาอ่าน จะพบว่ามีการกล่าวถึงประเทศสิงค์โปรอยู่เนื่องๆ อาทิการแพร่หลายของ น้ำแข็ง สู่ชนชั้นสูงของสยามเป็นครั้งแรก ก็เป็นน้ำแข็งที่ผลิตจากสิงคโปร์โดยกงสุลไทยเอาน้ำแข็งก้อนใหญ่ใส่หีบไม้ฉำฉาซึ่งถูกคลุมมิดชิดด้วยขี้เลื่อย ส่งมาทูลถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 รอนแรมมาทางเรือ นานถึง 1 เดือนกว่าจะมาถึงสยาม


     พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เองเสด็จประภาสต่างประเทศครั้งแรกก็ที่สิงคโปร์ ก่อนจะเสด็จประพาสอีกหลายครั้งตลอดรัชสมัยของพระองค์ ในเส้นทางการเสด็จประพาสแหลมมาลายู และเพื่อแสดงถึงไมตรีอันดีงามที่สยามและสิงคโปรมีต่อกัน พระพุทธเจ้าหลวงจึงพระราชทานของขวัญชิ้นสำคัญให้ชาวสิงคโปร์ไว้อย่างนึง ซึ่งยังคงปรากฏเป็นโบราณวัตถุอยู่บนเกาะสิงคโปร์จนมาถึงทุกวันนี้

 

 

 

 

 

     ของขวัญที่ว่านี้คือ รูปปั้นช้างสำริด ยืนสง่าอยู่บนแท่นสี่เหลียมสูง มีแผ่นป้ายภาษาไทยกำกับไว้ความว่า สิงคโปร์เป็นต่างประเทศแห่งแรกที่ราชวงศ์ไทยเสด็จพระราชดำเนินมาถึง เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1871 เที่ยบเท่ากับ พ.ศ. 2414 เดิมนั้นรูปปั้นช้างสำริดตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของ Victoria  Memorial Hall ก่อนจะถูกย้ายมาที่ปัจจุบัน คือบริเวณ The Old Parliament House  สละที่ตั้งเดิมให้กับรูปปั้นของ  เซอร์ โธมัส แสตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ ซึ่งเข้ามาแทนในปี ค.ศ. 1919 ฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งประเทศ

     กว่า 140 ปีล่วงมาแล้วที่ของขวัญพระราชทานชิ้นนี้อยู่คู่บ้านคู่เมืองสิงคโปร์มา เป็นประจักษ์พยานถึงสัมพันธไมตรีอันดีงามระหว่างสองประเทศที่มีต่อกันมายาวนานหลายชั่วอายุคนและยืยยันถึงประวัติศาสตร์มากมายที่เคยไหลผ่านในดินแดนสุดปลายแหลมมาลายูแห่งนี้ ซึ่งก่อกำเนิดเรื่องราวอันหลากหลายที่ผสมผสานกันให้เกาะเล็กๆแห่งนี้มีสีสัน มีหลายแง่มุม และเป็นประเทศน่าท่องเที่ยวไม่แพ้ที่ใดในโลก