Ota City Good Old Tokyo

 

 

 

       ในท่ามกลางมหานครใหญ่อย่างกรุงโตเกียวที่แสงไฟของรถและตึกสาดใส่กันวิบวับลายตา โอตะ (Ota) 1 ใน 3 เขตการปกครองที่แบ่งย่อยในโตเกียวกลับยังคงเงียบสงบอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่เป้นเขตที่กินพื้นที่ใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับอีก 22 เขตที่เหลือ โอตะตั้งอยู่ทางตะวันตกแยงใต้ของกรุงโตเกียว และอยู่ในอ้อมโอบของ แม่น้ำทามะ (Tama River) และ อ่าวโตเกียว (Tokyo Bay) เป็นเมืองประวัติศาสตร์ย้อนหลังกลับไปยาวนานไม่แพ้ที่อื่นใดในญี่ปุ่น

     ในสมัยเอโดะ เมืองโอตะเคยเป็นเมืองที่อยู่ในเส้นทางหลักซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเอโดะและเกียวโต ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างสัญจรทั้งผ่านและพักอยู่เมืองนี้ ส่งให้โอตะมีวัดวาและศาลเจ้าโบราณมากมาย ด้วยขนาดของพื้นที่กว้างใหญ่ ภานในอาณาบริเวณของเมืองโอตะจึงผสมคลุกเคล้าหลายย่านหลายอารมณ์

     ถามหาย่านช้อปปิ้งก็ต้อง คามาตะ (Kamata) เจ้าของช้อปปิ้งสตรีทมากกว่า 150 สาย จำหน่ายสินค้าสารพัน ที่ซึ่งคุณภาพ สไตล์ และราคาไม่น้อยหน้าร้านหรูเฟ่ในกรุงโตเกียวเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญมาง่ายมากๆ เพราอยู่ใกล้ สนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) เพียงแปดนาทีเท่านั้น โดยรถไฟสาย Keikyu Airport Line

     ที่สนามบินฮาเนดะมีบูธ Keikyu Tourist Information Center พร้อมให้คำแนะนำการเดินทางจากสนามบินเข้ากรุงโตเกียว รวมถึงไปย่านท่องเที่ยวต่างๆ จะโดยรถไฟหรือแท็กซี่ก็ถามจากจุดบริการนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถให้ข้อมูลท่องเที่ยวเมืองดังๆในจังหวัดคานางาวา อาทิ โยโกฮามาได้อีกด้วย (www.haneda-tokyo-access.com/en/)

     นอกจากนี้ที่สนามบินฮาเนดะยังมีบูธ Travel Service ที่พร้อมให้บริการข้อมูลเมืองท่องเที่ยวต่างๆโดยเฉพาะจุดที่ใกล้กับสนามบิน เช่น เมืองโอตะซึ่งกอปรไปด้วยย่านน่าแวะอย่าง คามาตะ (Kamata) และ อิเกกามิ (Ikegami) อีกหนึ่งย่านแสนสงบของเมืองโอตะ ที่ตั้งของ วัดอิเกกามิ ฮอนมันจิ (Ikegami Honmonji) ...พุทธสถานนิกายนิชิเรน (Nichiren Shonin) นิกายหนึ่งทางมหายานของพุทธศาสนาซึ่งก่อตั้งโดย พระนิชิเรน โชนิน (Nichiren Shonin) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 มี สัทธรรมปุณฑริกสูตร (Lotus Sutra) หนึ่งในพระสูตรสำคัญของฝ่ายมหายาน เป็นธงชัยหลักในการสั่งสอนพุทธธรรมของพระพุทธเจ้า เชื่อว่าการปฏิบัติธรรมตามพระสูตรนี้จะนำพาซึ่งความสุขมายังตัวเอง ครอบครัว รวมถึงทำให้มีสันติสุขในโลกได้ มีบทสวดสำคัญที่ต้องท่องภาวนาได้แก่ นัม – เมียวโฮ –เร็งเงเคียว

 

ikegami-honmonji-temple

http://tokyobling.wordpress.com/2013/04/16/ikegami-honmonji-temple

 

     เชื่อกันว่าวัดนี้ปลูกสร้างขึ้นในพื้นที่ที่พระนิชิเรนมรณภาพลงในปี ค.ศ. 1282 นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลายาวนานกว่าเจ็ดศตวรรษแล้ว บริเวณกว้างใหญ่ มีสิ่งน่าสนใจหลายประการให้แวะไปเยี่ยมชม เริ่มต้นด้วยการเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปในอาคารหลัก พนมสองมือไหว้แล้วท่อง นัม – เมียวโฮเร็งเงเคียว สามครั้ง

     จุดต่อมาที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาเยือนวัดฮอนมันจิก็คือ เจดีย์ห้าชั้น อายุ 400 ปี สร้างในสมัยเอโดะ ตกอยู่ในสมัยการปกครองของ โชกุนโทคุคาวา ผู้ซึ่งมีสุขภาพร่างกายไม่ใคร่แข็งแรงนัก ด้วยเหตุนี้ท่านโชกุนจึงสร้างเจดีย์ห้าชั้นนี้ขึ้นเพื่อขอให้ร่างกายตัวเองแข็งแรง ซึ่งปรากฏว่าได้ผลอย่างใจหมาย เจดีย์ห้าชั้นดังกล่าวจึงเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับสวดมนต์ขอพรให้หายป่วยจากโรคภัยต่างๆ

     นอกจากเรื่องตำนานความศักดิ์สิทธิ์แล้ว เจดีย์ห้าชั้นนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องมีโครงสร้างที่แข็งแรงล้ำเลิศ ปลอดภัยจากแผ่นดินไหวมาได้ทุกครั้ง เหตุก็เพราะโครงสร้างของเจดีย์เป็นเสาที่มีความยืนหยุ่นและแกว่งตัวเอนโอนได้ราวกับงูยามเมื่อแผ่นดินเขยื้อนตัว ผิดกับเสาที่อื่นๆซึ่งพร้อมจะหักโค่นลงได้ทันที ว่ากันว่าแม้แต่ผู้ที่สร้าง Tokyo Skytree หอที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและสูงที่สุดในเวลานี้ ที่ระดับความสูง 634 เมตร ยังต้องมาศึกษาโครงสร้างของเจดีย์ห้าชั้นอย่างละเอียด เพื่อเป็นต้นแบบการก่อสร้างหอสูงที่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว

     แวะมายลวัดฮอนมันจิได้ทุกฤดูกาล ทว่าหากอยากเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลสำคัญประจำปีของวัด ก็ต้องมาวันที่ 12 ตุลาคม และต้องเป็นตอนกลางคืนเสียด้วย เพราะในคืนวันนั้น พิธีโอเอชิกิ (Oeshiki) จะถูกจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงการจากไปของพระนิชิเรนซึ่งเชื่อกันว่ามรณภาพลงในวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ.1282 ผู้คนจะมารวมตัวกันจนขนัดแน่นบริเวณวัด ทั้งขบวนพาเหรดเครื่องเป่า เครื่องตีทั้งหลาย จะครึกครื้นน่าชม (www.honmonji.jp/foreign/en.html)

     เมื่อลงจากบันไดวันอันสูงชัน 96 ขั้นและลอดพ้นซุ้มประตูออกนอกเขตวัด ก็จะล่วงเข้าสู่ย่านพักอาศัยสะอาดตา เห็นสงบๆอย่างนี้ ทว่ามีของดีแอบซ่อนอยู่หลายอย่าง อาทิ ขนมคูซึโมชิ (Kuzumochi) ขนมโบราณตั้งแต่สมัยเอโดะของ ร้านอิเคดายะ (Ikeda - ya) ทำมาจากแป้งถั่วเหลืองให้รสสัมผัสหนึบแน่น เสิร์ฟมาในจานฉ่ำน้ำอ้อยหวานสีดำสนิท ด้านบนโรยด้วยผงสีเหลือง เวลาจะกินให้ผสมผงโรยหน้าเข้ากับน้ำเชื่อมเสียก่อน จากนั้นนำคูซึโมชิสีขาวลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว แล้วจิ้มเข้าปาก รสที่ได้จะหวานหอมติดลิ้น

kudzu-mochi-modoki-arrowroot-mochi

http://japaneserecipesinusa.blogspot.com/2009/03/kudzu-mochi-modoki-arrowroot-mochi.html

 

     นอกจากย่านอิเกกามิแล้ว เขตโอตะยังเป็นเจ้าของ Ota Who;esale Market ตลาดขายส่งขนาดมหึมา แหล่งค้าส่งผักผลไม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นตลาดค้าส่งดอกไม้และผลิตผลทางทะเลที่สำคัญ ที่นี่ซื้อขายโดยใช้วิธีการประมูลสินค้า แม้ตลาดค้าส่งโอตะยังไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ แต่ตลาดโอตะก็ยังน่าแวะเวียนมาเยี่ยมชม เพราะวิถีชีวิตจริงของคนย่านนี้จะคลี่ต่อหน้าให้อย่างละเอียดแบบที่ไกด์บุ๊คทำไม่ได้ โดยเฉพาะกลิ่นเมลอนจากชิสึโอกะสุดรัญจวนที่ลอยมาเตะจมูกเรา สนใจแวะมาเยี่ยมชมกันได้ ไม่เสียสตางค์หากมาเป็นหมู่คณะให้ติดต่อล่วงหน้าที่ kanko@city.ota.tokyo.jp

     ถัดเหนือเขตโอตะขึ้นไปอีกหน่อยคือ เขตชินางาวา (Shinagawa) รู้หรือไม่ว่าชินางาวาเป็นเจ้าของ กินซ่า (Ginza) หรือถนนสายช้อปปิ้งแห่งแรกของญี่ปุ่น รู้จักกันดีในชื่อ โทโกชิ กินซ่า (Togoshi Ginza) อีกทั้งยังเป็นหนึ่งใน ช้อปปิ้ง สตรีท สายที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยระยะทางถึง 1.3 ฏิโลเมตร มีร้านค้ามากมายถึง 400 ร้าน รวบรวมของดีของเด่นจากจังหวัดต่างๆในญี่ปุ่นมาไว้อย่างหลากหลาย

     ด้วยที่ตั้งของชินางาวาที่อยู่ริมอ่าวฝั่งโตเกียว ส่งให้ลมรำเพยน่าสบาย หากมาเดินเล่นที่ โทโกชิ กินซ่า ในเวลาแดดเย็นกำลังเหลืองสวย แนะนำให้กินเย็นแถวๆนั้นเสียเลย เป็นดินเนอร์บนเรือ Yakatabune เรือแบบญี่ปุ่นโบราณที่จะพาคุณล่องไปบนผืนน้ำของอ่าวโตเกียว ภายในดูอบอุ่นด้วยเสื่อทาทามิ (Tatami) รองรับชุดโต๊ะเก้าอี้แบบเตี้ยสำหรับวางอาหาร ผนังสองข้างลำเรือกรุกระจกใส หรือหากอยากรับลมสดชื่นเชิญที่ดาดฟ้าเรือ แลนด์มาร์คเด่นๆอย่างสะพาน Rainbow Bridge และ Tokyo Skytree จะอวดโฉมตระหง่านอยู่ใกล้ตา